2009-05-12

Dive Safety

วันนี้ ได้รับข่าวที่ไม่ดีจากวงการดำน้ำนั้คือข่าวการหายไปของนักดำน้ำ 2 คน ที่เป็น ครู 1 ท่าน นักเรียนอีกหนึ่งท่าน ซึ่งขณะที่ผมเขียน อยู่นี้ ยังไม่ทราบชะตากรรมทั้งคู่ ซึ่งบริเวณ ที่ทั้งคู่หายไปนั้น ก็เป็น บริเวณที่ผมได้เคยไปดำน้ำอยู่บ่อยมาก จนต้องย้อนกลับไปนึกถึงตัวเอง

อะไรที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่เริ่มดำน้ำมา

โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ขี้กลัวเอามากๆ และมักจะใส่ใจในกฏต่างๆอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดๆ เพราะทุกกิจกรรม มีโอกาศที่จะเกิดเรื่องไม่คลาดฝันได้ทั้งนั้น แต่สำหรับการดำน้ำแล้ว เรื่องไม่คาดฝันถ้าเป็นเรื่องร้าย มันจะรุนแรงในระดับที่เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลย สถาบันเกี่ยวกับการดำน้ำจึงได้สร้างระเบียบสร้างแบบฝึกหัดต่างๆมามากมายเพื่อป้องกันนักดำน้ำให้ดำน้ำได้อย่างปลอดภัย

การที่ผมได้มีโอกาศไปดำน้ำเป็นจำนวนมาก ทั้งในระดับ Drive Leader ดำน้ำกู้ภัย หรือการดำน้ำที่นอกเหนือการดำน้ำเพื่อการพักผ่อน ทำให้ผมได้เข้าไปเฉียดและข้ามเส้นความปลอดภัยไปหลายครั้ง บางครั้งรู้สึกเฉยๆ ไม่รู้สึกว่าเป็นอันตราย บางครั้งรู้สึกกลัวบ้าง บ้างครั้งก็รู้สึกกลัวมาก

ครั้งแรกๆ ที่ผมรู้สึกกลัว กลับเป็นการดำน้ำปกติธรรมดาๆ ในระดับความลึกแค่ ประมาณ 20 เมตร เป็นการดำ้น้ำ ไดฟ์ต้นๆ ของผม ซึ่งแน่นอนว่า นักดำน้ำที่ ยังประสบการณ์ยังน้อยย่อมมีวันนี้กันทุกคน การดำน้ำในไดฟ์ั้นั้น เป็นการดำน้ำบนแนวประการังรอบเกาะเล็กๆ ที่เรือไม่สามารถ เข้าไปอยู่เหนือแนวดำน้ำได้ เรือได้จอดทอดสมออยู่บนพื้นทราย ห่างจากแนวประการังออกไป ทำให้เราต้องลงตามสายสมอและว่ายเข้าสู่แนวประการัง ซึ่งในวันนั้น น้ำมีกระแสเล็กน้อย Dive Leader แนะนำให้ว่ายชิดกับพื้นทรายให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้อยู่กลางกระแสน้ำ และว่ายเข้าสู่แนวประการังทันที่ ซึ่งกระแสน้ำจะเบากว่า ผลก็คือผมพยายามออกแรงมากเกินไปเพื่อเข้าสู่แนวประการัง ทำให้ต้องหายใจถี่เกินไป ไม่สามารถรับอากาศและคลายคาร์บอนไดอ๊อกไซต์ ได้อย่างเป็นระบบ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ผมกำลังจะเป็นลม ขณะที่อยู่ใต้น้ำ 20 เมตร... ผมจะทำอย่างไรดี ผมควรจะขึ้นสู่ผิวน้ำหรือไม่ หรือผมจะปล่อยให้ตัวเองหน้ามืดเป็นลมอยู่ตรงนี้ แล้วต่อไปจะเป็นยังไง .. แล้วสิ่งหนึ่งก็แว๊บเข้ามา จงหายใจให้ลึกและช้า แน่นอนครับสิ่งนี้ขัดกับความรู้สึกของคนทั่วๆไปที่กำลังเหนื่อยแต่เป็นสิ่งที่นักดำน้ำต้องบังคับตัวเองและทำให้ได้เมื่อตัวเองเหนื่อย

เป็นการพิสูจน์ทราบในส่ิงที่สถาบันดำ้น้ำได้สอนเราไว้.. จงหายใช้ให้ลึกและช้า แต่อย่ากลั้นหายใจ

ผมเริ่มสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ จนหลายๆอย่างทำงานเป็นระบบถามหลักที่สถาบันดำน้ำสอบเราไว้ และแล้วก็มาถึงเรื่อง ที่หน้ากลัวมากที่สุดเรื่องหนึ่งที่สถาบันสอนดำน้ำจะนำเสนอเราได้ นั้นคือ Panic Diver

ตอนเด็กๆ ผมเคยจมน้ำ ครั้งนั้นเป็นการวิ่งโดดน้ำเล่นในหมู่เด็กๆด้วยกันหลายๆมีทั้งเด็กโตป.5 ป.ุ6 และเด็กที่ยังไม่เข้าป.หนึ่ง โดยมี เด็กสองคน ที่ว่ายน้ำไม่เป็น ณ เสี้ยวเวลาวินาทีนั้น .. ขณะที่จมลงไป 2 คน ผมยังสามารถรับรู้สิ่งต่างๆมากมายๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงคน ที่อยู่ระแวกนั้น ต่ำแหน่งของเพื่อนที่โดดจมไปด้วยกัน และทำให้รู้ว่าผมสามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะกดหรือเหยียบเพื่อนข้างๆเพื่อที่จะตะกายสู่ผิวน้ำ

นักดำน้ำระดับ ตั้งแต่ Rescue Diver ขึ้นมาจึงถูกฝึกให้รู้จักการรับมือกับ Panic Diver ซึ่งสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเตะขาฟาดมือ กดหรือกอดสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เชื่อได้เลยว่า ถ้าคุณโดนคนที่กำลัง Panic กอดได้คุณมีโอกาศน้อยมากที่จะหลุดออกมาได้ถ้าไม่ได้ถูกฝึกมาอย่างดีหรือมีกำลังมหาศาล

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ การที่นักดำน้ำเกิดการ Panic ขณะอยู่ใต้ทะเล เพราะคุณไม่สามารถใช้เสียงคุยกับเขาเพื่อเรียกสติได้ คุณจะต้องไม่ให้เขาขึ้นสู่ผิวน้ำเร็วเกินไป หรือว่ายไปไหนต่อไหนซึงอาจพัดหลงโดนกระแสน้ำพัดหรือโดนเรือเฉียวได้ และบางที่เขาอาจะปัด Mask หรือ Octopus คุณหลุดเอาง่ายๆ เลยที่เดียว

จริงๆแล้ว ผมไม่เคยเจอกับ นักดำน้ำที่ Panic ใต้ทะเลอย่างรุนแรงหรอกครับ... แค่ กำลังดำลงระดับความลึกไม่ถึง 2 เมตร ก็ทำ Mask ผมหลุด ปัดสาย Octopus จน Mount Piece เกือบขาดแล้ว

No comments: